
รักให้เป็น! เข้าใจ 5 ภาษารัก แล้วหัวใจจะพูดภาษาเดียวกัน
ภาษารักของคุณคืออะไร? รู้จัก 5 Love Languages เพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
เคยเป็นไหม? คบกันไปสักพักแล้วรู้สึกว่าแฟนเปลี่ยนไป ไม่ค่อยโรแมนติก ไม่ค่อยทำเซอร์ไพรส์
หรือบางทีเราตั้งใจทำดีแทบตาย แต่เขากลับไม่เห็นค่า… จริง ๆ แล้วเขาอาจจะรักคุณในแบบที่คุณไม่ทันสังเกตก็ได้นะ! 😢
"Love Languages" หรือ "ภาษารัก" เป็นแนวคิดจาก Dr. Gary Chapman นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ ที่ช่วยให้เรารู้ว่าแต่ละคนมีวิธีการแสดงความรักและรับความรักที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าคุณรู้จักภาษารักของตัวเองและของคนรักแล้วละก็
จะช่วยให้เราสานความสัมพันธ์ให้แข็งแรงขึ้น แบบไม่ต้องนอยด์ให้เหนื่อยกันอีกต่อไป!
ภาษารัก (Love Languages) คืออะไร?
Love Languages หรือ 'ภาษารัก' คือวิธีที่แต่ละคนใช้แสดงออกถึงความรัก ซึ่งแตกต่างกันไปตามบุคลิกและประสบการณ์ของแต่ละคน
ถ้าเราเข้าใจภาษารักของตัวเองและภาษารักของคนรักได้ ก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์ราบรื่นขึ้น ลดความเข้าใจผิด และช่วยให้เรารู้ว่าควรเติมเต็มความรักให้กันอย่างไร
ทฤษฎี 5 ภาษารักของ Dr. Gary Chapman
Dr. Gary Chapman ศึกษาความสัมพันธ์ของคู่รักจำนวนมาก และพบว่ามีหลักใหญ่ใจความอยู่ "5 วิธี" ที่คนใช้แสดงความรักต่อกัน ได้แก่
- Word of Affirmation – คำพูดสร้างพลังบวก
- Quality Time – เวลาคุณภาพ
- Receiving Gifts – ของขวัญแทนใจ
- Acts of Service – การกระทำที่แสดงถึงความรัก
- Physical Touch – การสัมผัสทางกาย
ลองมาดูกันว่าแต่ละภาษารักเป็นอย่างไร และคุณหรือแฟนมีภาษารักแบบไหนกันบ้าง!
5 ประเภทของภาษารัก (The Five Love Languages)
1) Word of Affirmation – คำพูดสร้างพลังบวก
บางคนเชื่อว่า "การกระทำสำคัญกว่าคำพูด" หลายๆ คนเลยรักอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกหรอก
แต่สำหรับคนที่มีภาษารักแบบนี้ "คำพูด" ก็สำคัญไม่แพ้กัน!
✅ สิ่งที่ควรทำ:
- บอกรัก บอกคิดถึงให้เขาได้ยินบ่อย ๆ 💬
- ชื่นชมให้กำลังใจ เช่น "เก่งมากเลย!" หรือ "ฉันดีใจที่มีคุณในชีวิต"
- เขียนข้อความหวาน ๆ ส่งให้กัน ไม่ว่าจะเป็น Post-it หรือแชท
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- พูดเชิงลบหรือเหน็บแนม เช่น "เธอนี่ไม่มีความโรแมนติกเลย"
- ปล่อยเบลอให้เขาคิดได้เอง ว่าเขาควรเข้าใจความรู้สึกของเรา
2) Quality Time – การให้เวลาอย่างมีคุณภาพ
ไม่ใช่แค่การอยู่ข้างๆ กัน แต่ต้องเป็น "เวลาที่มีคุณภาพจริง ๆ" 💖
✅ สิ่งที่ควรทำ:
- ตั้งใจฟังกันจริง ๆ ไม่เล่นมือถือขณะคุย
- วางแผนทำกิจกรรมที่มีความหมายต่อใจ เช่น ดูหนัง ทำอาหารด้วยกัน
- จัดทริปไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- อยู่ด้วยกันแต่ไม่คุยกันเลย ต่างคนต่างกดมือถือ
- นัดแล้วเบี้ยวหรือลืมเวลาสำคัญ เช่น วันครบรอบ
3) Receiving Gifts – ของขวัญแทนใจ
ของขวัญสำหรับคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของความหมาย
✅ สิ่งที่ควรทำ:
- เซอร์ไพรส์ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ดอกไม้ เครื่องประดับ การ์ด
- ซื้อของที่เขาชอบเป็นพิเศษ เช่น หนังสือที่เขาอยากได้
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- ลืมวันสำคัญ เช่น วันเกิด วันครบรอบ
- ซื้อของขวัญเพราะ "จำเป็นต้องให้" โดยไม่ได้ใส่ใจ
4) Acts of Service – การกระทำที่แสดงถึงความรัก
สำหรับบางคน "การกระทำ" สำคัญกว่าคำพูด ช่วยแอคชั่นหน่อย ว่าเธอแคร์ชั้น เช่น การช่วยถือของ ทำอาหาร หรือไปรับส่ง
✅ สิ่งที่ควรทำ:
- ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ เช่น ทำอาหารเช้าให้ กดกาแฟให้ก่อนทำงาน
- ถามว่าเขาเหนื่อยไหม แล้วช่วยแบ่งเบาภาระ
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- ไม่ใส่ใจเวลาเขาขอให้ช่วยอะไร
- ทำเพราะ "จำใจ" ไม่ใช่ทำด้วยความรัก
5) Physical Touch – การสัมผัสที่สร้างความอบอุ่น
ภาษารักแบบนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศอย่างเดียว แต่รวมถึงการกอด จับมือ โอบไหล่ skinship
✅ สิ่งที่ควรทำ:
- กอดกันก่อนออกไปทำงาน หรือเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน
- เดินจับมือกัน
❌ สิ่งที่ไม่ควรทำ:
- ไม่เคยสัมผัสกันเลย จนทำให้ความสัมพันธ์ดูห่างเหิน
- ใช้การสัมผัสในทางที่อีกฝ่ายไม่สบายใจ
ภาษารักของคุณคืออะไร? ค้นหาสไตล์ความรักของตัวเอง
ลองคิดดูว่า เวลามีคนทำอะไรให้เราแล้วรู้สึก "อบอุ่นใจ" มากที่สุด?
- คุณชอบฟังคำพูดหวาน ๆ? → Word of Affirmation
- ชอบให้คนรักให้เวลากับเรา? → Quality Time
- รู้สึกดีเมื่อได้รับของขวัญ? → Receiving Gifts
- ชอบให้คนรักช่วยเหลือหรือดูแลเรา? → Acts of Service
- รู้สึกดีเมื่อได้สัมผัสกัน? → Physical Touch
วิธีใช้ภาษารักเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแรง
รู้ภาษารักของตัวเองและคนรักหรือยัง? 🥰
ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์แข็งแรงขึ้น ลองสื่อสารภาษารักให้ตรงกันดูสิ!
จำไว้ว่า:
- เราไม่จำเป็นต้องมีแค่ภาษารักเดียว
- การเข้าใจภาษารักของกันและกัน จะช่วยให้รักมั่นคงมากขึ้น
และไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์กับคนรัก แต่เป็นบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว เช่น พ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อนๆ
เราก็สามารถใช้เทคนิคการสื่อสารภาษารักกับพวกเขาได้เช่นกัน ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ บิวตี้นิสต้าคิดว่าเมื่อคุณเริ่มต้นด้วยการเข้ามาอ่านบทความนี้เพื่อทำความเข้าใจคนข้างๆ แล้ว ก็คงไม่มีอะไรยากเกินกว่าจะส่งความรักความห่วงใยนี้ ส่งตรงไปถึงเขาแล้วหละค่ะ
🫶🏼 สุขสันต์เทศกาลแห่งความารักนะคะ 🫶🏼
