coverImage
12 มีนาคม 2025
0

รักให้เป็น! เข้าใจ 5 ภาษารัก แล้วหัวใจจะพูดภาษาเดียวกัน

favorite

ภาษารักของคุณคืออะไร? รู้จัก 5 Love Languages เพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน

เคยเป็นไหม? คบกันไปสักพักแล้วรู้สึกว่าแฟนเปลี่ยนไป ไม่ค่อยโรแมนติก ไม่ค่อยทำเซอร์ไพรส์
หรือบางทีเราตั้งใจทำดีแทบตาย แต่เขากลับไม่เห็นค่า… จริง ๆ แล้วเขาอาจจะรักคุณในแบบที่คุณไม่ทันสังเกตก็ได้นะ! 😢

"Love Languages" หรือ "ภาษารัก" เป็นแนวคิดจาก Dr. Gary Chapman นักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ ที่ช่วยให้เรารู้ว่าแต่ละคนมีวิธีการแสดงความรักและรับความรักที่แตกต่างกัน ซึ่งถ้าคุณรู้จักภาษารักของตัวเองและของคนรักแล้วละก็
จะช่วยให้เราสานความสัมพันธ์ให้แข็งแรงขึ้น แบบไม่ต้องนอยด์ให้เหนื่อยกันอีกต่อไป!


ภาษารัก (Love Languages) คืออะไร?

Love Languages หรือ 'ภาษารัก' คือวิธีที่แต่ละคนใช้แสดงออกถึงความรัก ซึ่งแตกต่างกันไปตามบุคลิกและประสบการณ์ของแต่ละคน 
ถ้าเราเข้าใจภาษารักของตัวเองและภาษารักของคนรักได้ ก็จะช่วยให้ความสัมพันธ์ราบรื่นขึ้น ลดความเข้าใจผิด และช่วยให้เรารู้ว่าควรเติมเต็มความรักให้กันอย่างไร


ทฤษฎี 5 ภาษารักของ Dr. Gary Chapman

Dr. Gary Chapman ศึกษาความสัมพันธ์ของคู่รักจำนวนมาก และพบว่ามีหลักใหญ่ใจความอยู่ "5 วิธี" ที่คนใช้แสดงความรักต่อกัน ได้แก่

  1. Word of Affirmation – คำพูดสร้างพลังบวก
  2. Quality Time – เวลาคุณภาพ
  3. Receiving Gifts – ของขวัญแทนใจ
  4. Acts of Service – การกระทำที่แสดงถึงความรัก
  5. Physical Touch – การสัมผัสทางกาย

ลองมาดูกันว่าแต่ละภาษารักเป็นอย่างไร และคุณหรือแฟนมีภาษารักแบบไหนกันบ้าง!


5 ประเภทของภาษารัก (The Five Love Languages)

  1) Word of Affirmation – คำพูดสร้างพลังบวก  

บางคนเชื่อว่า "การกระทำสำคัญกว่าคำพูด" หลายๆ คนเลยรักอยู่แล้ว ไม่ต้องบอกหรอก
แต่สำหรับคนที่มีภาษารักแบบนี้ "คำพูด" ก็สำคัญไม่แพ้กัน!

สิ่งที่ควรทำ:

  • บอกรัก บอกคิดถึงให้เขาได้ยินบ่อย ๆ 💬
  • ชื่นชมให้กำลังใจ เช่น "เก่งมากเลย!" หรือ "ฉันดีใจที่มีคุณในชีวิต"
  • เขียนข้อความหวาน ๆ ส่งให้กัน ไม่ว่าจะเป็น Post-it หรือแชท

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • พูดเชิงลบหรือเหน็บแนม เช่น "เธอนี่ไม่มีความโรแมนติกเลย"
  • ปล่อยเบลอให้เขาคิดได้เอง ว่าเขาควรเข้าใจความรู้สึกของเรา


  2) Quality Time – การให้เวลาอย่างมีคุณภาพ  

ไม่ใช่แค่การอยู่ข้างๆ กัน แต่ต้องเป็น "เวลาที่มีคุณภาพจริง ๆ" 💖

สิ่งที่ควรทำ:

  • ตั้งใจฟังกันจริง ๆ ไม่เล่นมือถือขณะคุย
  • วางแผนทำกิจกรรมที่มีความหมายต่อใจ เช่น ดูหนัง ทำอาหารด้วยกัน
  • จัดทริปไปเที่ยวเปลี่ยนบรรยากาศ

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • อยู่ด้วยกันแต่ไม่คุยกันเลย ต่างคนต่างกดมือถือ
  • นัดแล้วเบี้ยวหรือลืมเวลาสำคัญ เช่น วันครบรอบ


  3) Receiving Gifts – ของขวัญแทนใจ   

ของขวัญสำหรับคนกลุ่มนี้ ไม่ใช่เรื่องของราคา แต่เป็นเรื่องของความหมาย

สิ่งที่ควรทำ:

  • เซอร์ไพรส์ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ดอกไม้ เครื่องประดับ การ์ด
  • ซื้อของที่เขาชอบเป็นพิเศษ เช่น หนังสือที่เขาอยากได้

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • ลืมวันสำคัญ เช่น วันเกิด วันครบรอบ
  • ซื้อของขวัญเพราะ "จำเป็นต้องให้" โดยไม่ได้ใส่ใจ


  4) Acts of Service – การกระทำที่แสดงถึงความรัก  

สำหรับบางคน "การกระทำ" สำคัญกว่าคำพูด ช่วยแอคชั่นหน่อย ว่าเธอแคร์ชั้น เช่น การช่วยถือของ ทำอาหาร หรือไปรับส่ง

สิ่งที่ควรทำ:

  • ทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ เช่น ทำอาหารเช้าให้ กดกาแฟให้ก่อนทำงาน
  • ถามว่าเขาเหนื่อยไหม แล้วช่วยแบ่งเบาภาระ

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • ไม่ใส่ใจเวลาเขาขอให้ช่วยอะไร
  • ทำเพราะ "จำใจ" ไม่ใช่ทำด้วยความรัก


  5) Physical Touch – การสัมผัสที่สร้างความอบอุ่น  

ภาษารักแบบนี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องเพศอย่างเดียว แต่รวมถึงการกอด จับมือ โอบไหล่ skinship

สิ่งที่ควรทำ:

  • กอดกันก่อนออกไปทำงาน หรือเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน
  • เดินจับมือกัน

สิ่งที่ไม่ควรทำ:

  • ไม่เคยสัมผัสกันเลย จนทำให้ความสัมพันธ์ดูห่างเหิน
  • ใช้การสัมผัสในทางที่อีกฝ่ายไม่สบายใจ


ภาษารักของคุณคืออะไร? ค้นหาสไตล์ความรักของตัวเอง

ลองคิดดูว่า เวลามีคนทำอะไรให้เราแล้วรู้สึก "อบอุ่นใจ" มากที่สุด?

  • คุณชอบฟังคำพูดหวาน ๆ? → Word of Affirmation
  • ชอบให้คนรักให้เวลากับเรา? → Quality Time
  • รู้สึกดีเมื่อได้รับของขวัญ? → Receiving Gifts
  • ชอบให้คนรักช่วยเหลือหรือดูแลเรา? → Acts of Service
  • รู้สึกดีเมื่อได้สัมผัสกัน? → Physical Touch


วิธีใช้ภาษารักเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้แข็งแรง

รู้ภาษารักของตัวเองและคนรักหรือยัง? 🥰 
ถ้าอยากให้ความสัมพันธ์แข็งแรงขึ้น   ลองสื่อสารภาษารักให้ตรงกันดูสิ!   

จำไว้ว่า:

  • เราไม่จำเป็นต้องมีแค่ภาษารักเดียว
  • การเข้าใจภาษารักของกันและกัน จะช่วยให้รักมั่นคงมากขึ้น

และไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์กับคนรัก แต่เป็นบุคคลอื่นๆ ในครอบครัว เช่น พ่อแม่ พี่น้อง หรือเพื่อนๆ 
เราก็สามารถใช้เทคนิคการสื่อสารภาษารักกับพวกเขาได้เช่นกัน ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ บิวตี้นิสต้าคิดว่าเมื่อคุณเริ่มต้นด้วยการเข้ามาอ่านบทความนี้เพื่อทำความเข้าใจคนข้างๆ แล้ว ก็คงไม่มีอะไรยากเกินกว่าจะส่งความรักความห่วงใยนี้ ส่งตรงไปถึงเขาแล้วหละค่ะ 


🫶🏼 สุขสันต์เทศกาลแห่งความารักนะคะ 🫶🏼

avatar - Writer | Beautynista
Writer
Beautynista
เอดิเตอร์สาววัย Midlife Crisis ที่ชีวิตมีแต่มีความท้าทาย

บทความที่เกี่ยวข้อง